นายอิโนโฆซา เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เมืองอมาริลโล รัฐเท็กซัส เนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็งเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน โดยมีน.ส.อีวาน ลามัส คู่หมั้น คอยดูแลอยู่ใกล้ชิด นอกจากนี้ น.ส.ลามัส ยังต้องแบ่งเวลาไปดูแลลูกๆ ที่บ้าน โดยนายอิโนโฆซามีลูกชายกับน.ส.ลามัส คนหนึ่ง อายุ 9 ปี นอกจากนี้ยังมีลูกสาวอีก 3 คน ที่ติดจากการแต่งงานครั้งแรก

จนเมื่ออาการของนายอิโนโฆซาถึงขั้นวิกฤต ระบบภายในเริ่มหยุดทำงาน อนุศาสนาจารย์หรือครูสอนศาสนาในโรงพยาบาลถามผู้ป่วยว่ามีความปรารถนาใดเป็นครั้งสุดท้าย นายอิโนโฆซาตอบว่าต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นของตน อนุศาสนาจารย์จึงจัดงานแต่งงานให้นายอิโนโฆซาในห้องพักนั้นเอง

โดยสมาชิกครอบครัวและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เร่งจัดงานแต่งงาน อนุศาสนาจารย์คนหนึ่งของโรงพยาบาลนำน.ส.ลามัสไปที่ศาลเพื่อขอใบอนุญาตสมรส โดยผู้พิพากษายังลัดระยะเวลา 72 ชั่วโมง ที่ต้องใช้ตามกระบวนการปกติด้วย ด้านหัวหน้าแผนกวิกฤตในโรงพยาบาลยังให้นายอิโนโฆซายืมสูทและเน็กไทเพื่อใช้สวมในพิธีแต่งงาน ส่วนคาเฟ่ของโรงพยาบาลเร่งอบเค้กแต่งงาน และญาติของฝ่ายหญิงยังหาชุดแต่งงานสีขาวมาให้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงงานแต่งงานก็พร้อมเรียบร้อย

น.ส.ลามัส เดินเข้ามาในพิธีพร้อมพ่อของเธอ โดยมีนางพยาบาลเรียงแถวกันอยู่นอกห้อง “ตอนที่ฉันเดินเข้ามาและเห็นเขาในชุดสูท เขาแทบทำให้ฉันลืมหายใจไปเลย” น.ส.ลามัส กล่าว “เขาหล่อมากจริงๆ มันเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย”

ทั้งคู่กล่าวคำสาบานแต่งงานกัน โดยมีลูกๆ ยืนอยู่เคียงข้าง จนกระทั่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ก่อนที่นายอิโนโฆซาจะเสียชีวิตอย่างสงบในอีก 36 ชั่วโมงต่อมา ในวันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. 2559

เรื่องที่น่าเศร้ากว่านั้น นั่นคือ เอกสารแรกที่น.ส.ลามัส ลงชื่อหลังการแต่งงาน คือใบมรณบัตรของสามีของเธอนั่นเอง