เผยเรื่องราวสุดตะลึง เมื่อ หญิงชาวอินโดนีเซียวัย 40 ปี ถูกภรรยาแจ้งตำรวจจับ หลังจากปลอมตัวเป็นชายหนุ่ม จีบหญิงสาวรายหนึ่งถึงขั้นแต่งงานด้วย ใช้ชีวิตอยู่กินมานานกว่าครึ่งปี แต่สุดท้ายความลับแตก เมื่อภรรยาเกิดอาการสงสัยอย่างหนัก ที่สามีไม่ยอมมีอะไรด้วย จึงพยายามค้นหาคำตอบ ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด จนกระทั่งเจอความลับที่ทไให้ฝ่ายภรรยาถึงขั้นช็อกหนัก

โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ จากเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย หญิงวัย 40 ปี นามว่า สุวารตี (Suwarti) ถูกภรรยาวัย 25 ปี แจ้งความดำเนินคดี ภายหลังพบว่าสุวารตีหลอกให้เชื่อมาโดยตลอดว่าตนได้แต่งงานอยู่กินกับชายหนุ่มแมนทั้งแท่ง แต่กลับกลายเป็นว่าสามีของตนนั้นคือผู้หญิง


โดยรายงานระบุว่า สุวารตีได้หลอกภรรยาสาวตั้งแต่วันแรกที่พบกันว่าตัวเองเป็นชายทั้งแท่งชื่อ มูฮัมหมัด เอเฟนดิ ซาปูตรา (Muhamad Efendi Saputra) และยังอวดอ้างว่าตนเป็นนายตำรวจมียศถาบรรดาศักดิ์ จากนั้นทั้งคู่ก็คบหาและลงเอยด้วยการแต่งงานอยู่กินกันเป็นเวลาราวครึ่งปี แต่แล้วในที่สุดความก็แตกจนได้ เมื่อฝ่ายภรรยาข้องใจอย่างหนักว่าเหตุใดสามีถึงไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยเสียที ทั้งที่อยู่กินกันมานานแล้ว วันหนึ่งเมื่อเขาไม่อยู่ เธอก็เลยตัดสินใจค้นข้าวของส่วนตัวของสามี และต้องช็อกหนักเมื่อพบบัตรประชาชนที่ระบุว่า สามีนั้นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงชื่อ "สุวารตี" หาได้ชื่อมูฮัมหมัดไม่

ฝ่ายภรรยายอมไม่ได้จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากการสอบสวนสุวารตีก็ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เธอบอกว่าเธอปิดบังตัวตนของตัวเอง แล้วปลอมเอกสารระบุตัวตนเป็นชาย เพื่อให้ฝ่ายหญิงเชื่อและเพื่อให้แต่งงานกันได้อย่างถูกต้อง ทุกอย่างเป็นไปอย่างแนบเนียนมาโดยตลอด แม้ในวันแต่งงานสุวารตีก็ยังจ้างคนมาเป็นญาติพี่น้องเจ้าบ่าว ร่วมพิธีแต่งงานกันอย่างชื่นมื่น

สุวารตียอมรับว่าเธอเองเคยใช้ ชีวิตเป็นหญิงตามเพศสภาพมาก่อน เคยมีสามีและมีลูกติด 1 คนด้วย ซึ่งขณะนี้มีอายุ 17 ปีแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ผิดหวังกับชีวิตคู่ เธอจึงผันตัวเป็นทอมมาลองรักกับหญิงสาว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า สุวารตีอาจต้องโทษสูงสุดคือจำคุกนาน 7 ปี เลยทีเดียว

ทั้งนี้ ในสังคมของชาวอินโดนีเซีย ยังไม่ให้การยอมรับในวัฒนธรรมการรักร่วมเพศหรือ LGBT มากนัก และมักถูกกดขี่ รวมถึงถูกเลือกปฏิบัติอยู่เสมอ นี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้สุวารตีเลือกทำตัวเหมือนเป็นผู้ชายก็เป็นได้

From: http://www.clip007.com/news-185079#