ล่าสุด นายไพทูลให้สัมภาษณ์ว่า คลิปดังกล่าวตนถ่ายไว้เมื่อวันที่ 25-26 ธ.ค.2559 ขณะลงดำน้ำสำรวจและปลูกปะการังเทียมที่อ่าวพลับพลา เกาะราชาใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งพบเห็นครูสอนดำน้ำ คาดว่าจะเป็นชาวจีนหรือญี่ปุ่น กำลังพาผู้เรียนดำน้ำสองคนลงไปในแนวปะการังเป็นพื้นที่วางทุ่นปะการังเทียม และบางครั้งได้เดินย่ำไปบนปะการังตามธรรมชาติจนเสียหาย ตนจึงพยายามว่ายน้ำตามเพื่อถ่ายภาพ ก่อนที่เรือที่พากลุ่มดำน้ำได้รีบขับมารับกลุ่มดำน้ำไปอย่างรวดเร็ว

นายไพทูลกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังพบกลุ่มดำน้ำกลุ่มเดิมที่บริเวณอ่าวพลับพลา ซึ่งตนถ่ายภาพได้ในระยะใกล้ เป็นภาพกลุ่มดังกล่าวใช้เชือกมัดทุ่นเป็นที่ยึดเกาะและยืนบริเวณพื้นที่ที่มีปะการัง โดยตนพยายามหยิบเศษปะการังขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นว่าแนวปะการังสีน้ำเงินแตกหักเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กลุ่มดำน้ำยังมีการให้อาหารปลาใต้น้ำด้วย ตนพบเหตุการณ์ดังกล่าวหลายครั้งในหลายพื้นที่ เช่น เกาะราชา เกาะไม้ท่อน เกาะไข่ เกาะพีพี เนื่องจากไม่มีกฎหมายที่ควบคุมธุรกิจดำน้ำ หรือผู้คอยกำกับดูแลตรวจตราเมื่อกลุ่มดำน้ำไปใช้พื้นที่ใต้ทะเล และปัจจุบันมีครูสอนดำน้ำซึ่งไม่ได้เป็นไดรฟ์มาสเตอร์มาจากหลายชาติ รวมถึงครูสอนดำน้ำชาวไทย ถึงแม้จะมีกฎหมายบังคับใช้ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองปะการัง แต่ก็บังคับใช้ได้หลังเกิดความเสียหายแล้ว

“เมื่อถูกดำเนินคดีก็มักจะอ้างว่าไม่มีเจตนา จึงควรมีมาตรการเกี่ยวกับการดำน้ำบังคับใช้เพื่อคุ้มครองป้องกันปะการังที่อาจเกิดความเสียหายจากการดำน้ำ เป็นข้อกำหนดเฉพาะสำหรับผู้ดำน้ำโดยตรงด้วย เพราะปะการังที่เสียหายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานถึง 6 เดือน บางชนิดใช้เวลา 3-5 ปี” นายไพทูลกล่าว

From: http://news.tlcthai.com/news/802907.html